ส่วนมากดวงดาวต่างๆในอวกาศชอบมีสีของดวงดาวที่เป็นสีเทาหรือสีน้ำตาลซึ่งเป็นสีของผิวของดาวดวงนั้นๆตามเพียงแค่ว่าพื้นดินของดาวจะมีธาตุอะไรเยอะที่สุด แล้วก็ดาวนพเคราะห์ทั่วๆไปก็ชอบได้รับพลังงานแสงสว่างจากดาวฤกษ์อาทิเช่นดวงตะวัน นำมาซึ่งการทำให้ดาวนพเคราะห์โดยมากมักมีสีแดงหรือสีส้มรำไร แต่ว่ามีดาวดวงหนึ่งในอวกาศ มีสีที่ต่างออกไป มันก็คือ “สีน้ำเงิน” ดาวนพเคราะห์สีน้ำเงินนี้จะเป็นเยี่ยงไร วันนี้เรา จะพาเพื่อนฝูงๆไปทำความรู้จักกับมันกัน เมื่อก่อนจะไปรับดู อย่าลืมกด Like กด Share รวมทั้งกดติดตามด้วยนะคะ
.
เมื่อปี คริสต์ศักราช 1983 นักดาราศาสตร์ได้ศึกษาและทำการค้นพบดาวนพเคราะห์น้อยดวงหนึ่งมีลักษณะพิเศษที่ไม่เหมือนกันกับดาวนพเคราะห์น้อยทั่วๆไปโน่นเพราะว่ามันมีสีน้ำเงิน ซึ่งการศึกษาค้นพบในคราวแรกก็สร้างความแปลกใจให้กับนักดาราศาสตร์มากมายก่ายกองว่าเพราะเหตุไรมันถึงมีสีน้ำเงินอย่างงั้น
.
นักดาราศาสตร์ตั้งชื่อให้ดาวดวงนี้ว่า “เฟเอธอน” ซึ่งผู้ใดก็ช่างที่ได้ทำการวิจัยดาวดวงนี้ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่ามันเป็นดาวพระเคราะห์น้อยสีน้ำเงินที่พิศดารมากมายๆเพราะว่าสีน้ำเงินที่พวกเรามองเห็นนั้นเกิดขึ้นมาจากการสะท้อนออกมาจากผิว ซึ่งโดยปกติดาวนพเคราะห์ หรือดาวพระเคราะห์น้อยทั่วๆไปจะมีสีเทาหรือสีแดง ตามแต่ละองค์ประกอบของพื้นดินในดาวเเต่ละดวง แล้วส่วนประกอบอะไรถึงทำให้ดาวดวงนี้มีสีน้ำเงินสะท้อนออกมา แถมยังเป็นสีน้ำเงินที่เข้มมากมายเด่นในแถวกลุ่มดาวที่มันอาศัยอยู่
.
จากการสำรวจและก็การเล่าเรียนของนักดาราศาสตร์ได้พบว่าดาวเฟเอธอน มีคุณลักษณะรวมทั้งความประพฤติปฏิบัติคล้ายกับดาวหาง ซึ่งดาวหางนั้นมีส่วนประกอบเป็นก้อนหิมะแข็งที่มีส่วนประกอบเป็นหิน น้ำเเข็งและก็ฝุ่นละออง รวมทั้งก๊าซเยือกแข็งบางประเภท โดยถ้าเกิดมันได้รับพลังงานจากดาวฤกษ์จะมีผลให้น้ำแข็งที่อยู่รอบๆรอบๆระเหิดขึ้นมาเป็นไอ ทำให้พวกเราเห็นเป็นหาง ก็เลยทำให้เรียกว่าดาวหาง ซึ่งดาวหางจะมีเส้นทางโคจรที่เป็นวงรีที่เรียวมากมายๆปลายข้างหนึ่งจะอยู่ใกล้ดาวฤกษ์หรือดวงตะวัน ส่วนอีกข้างหนึ่งจะอยู่ไปทางภายนอกของระบบสุริยะ
.
ซึ่งดาวเฟเอธอนนี้เองก็มองคล้ายกับว่าจะมีความเกี่ยวเนื่องบางสิ่งบางอย่างกับดาวหาง เพราะว่านอกเหนือจากที่มันจะมีเส้นทางโคจรที่มีทิศทางคล้ายกับดาวหางแล้ว ดาวเฟเอธอนยังน่าจะเป็นต้นเหตุของฝนดาวตกเจไม่นิดส์ ซึ่งเป็นกรุ๊ปของฝนดาวตกกรุ๊ปหนึ่ง โดยปกติการเกิดปรากฎการณ์ฝนดาวตกจะเกิดขึ้นเมื่อโลกโคจรผ่านเศษฝุ่นผงที่ดาวหางปล่อยทิ้งเอาไว้ตามวิถีโคจร โดยถ้าหากว่าดาวหางโคจรมาตัดกับวิถีโคจรของโลกขณะใดก็จะกำเนิดฝนดาวตกตรงนั้น รวมทั้งดาวเฟเอธอนเองนั้นก็เป็นที่มาของฝนดาวตกเจไม่นิดส์ เนื่องจากว่าเส้นทางโคจรของฝนดาวตกกลุ่มนี้ดันไปอย่างกับเส้นทางโคจรของดาวเฟเอธอน
.
ก่อนหน้าที่นักดาราศาสตร์จะเจอดาวเฟเอธอน พวกเขาต่างตั้งข้อสมมติฐานว่าฝนดาวตกนั้นเกิดขึ้นมาจากดาวหาง โดยไม่คาดคิดถึงว่ามันคงจะมีสาเหตุมาจากดาวพระเคราะห์น้อย จนกระทั่งเขามาเจอดาวเฟเอธอน ซึ่งมีวิถีโคจรที่คล้ายกับดาวหาง และก็เป็นได้ว่า มันบางทีก็อาจจะเป็นแหล่งที่เกิดฝนดาวตก ในทีแรกที่นักดาราศาสตร์เจอดาวเฟเอธอนที่มีสีน้ำเงินนั้น บางบุคคลได้ตั้งข้อสันนิษฐานว่าดาวเฟเอธอนอาจจะเป็นองค์ประกอบหนึ่งของดาวหางที่ดับสิ้นแล้ว เนื่องจากว่าส่วนประกอบแล้วก็วิถีโคจรที่ราวกับดาวหางทำให้ไม่แปลกที่จะมีนักดาราศาสตร์บางบุคคลคิดแบบนั้นตอนนั้น
.
แต่ว่าสิ่งที่น่าสงสัยแล้วก็ไม่ตรงกันต่อความนึกคิดนักดาราศาสตร์ในตอนนั้นเป็น ดาวหางที่หมดอายุขัยโดยมากจะมีสีแดงคล้ำมิได้มีสีน้ำเงินอย่างดาวเฟเอธอน ก็เลยทำให้ยังไม่มีผู้ใดกล้าฟันธงได้ว่ามันเป็นอย่างไร ถัดมาได้มีการเรียนรู้ดาวเฟเอธอนเสริมเติมแล้วก็ได้พบว่าดาวพระเคราะห์น้อยดวงนี้สามารถโคจรใกล้พระอาทิตย์ได้ใกล้มากมายๆรวมทั้งเมื่อมันเข้าไปใกล้มันจะมีอุณหภูมิของผิวถึง 800 องศาเซลเซียส ซึ่งความร้อนขนาดนี้มันสามารถทำให้บางสิ่งหลอมเหลวได้เลย
.
รวมทั้งเมื่อมันใกล้พระอาทิตย์มากมายเยอะแค่ไหน ความร้อนจากดวงตะวันนั้นจะนำมาซึ่งการทำให้มันปลดปล่อยฝุ่นผงออกมาเป็นหาง คล้ายกับดาวหาง ซึ่งดาวเฟเอธอนถือได้ว่าเป็นดาวนพเคราะห์น้อย 1 ใน 2 ดวงในระบบสุริยะเพียงแค่นั้นที่จะสามารถทำเเบบนี้ได้ และก็มันก็ยังส่งผลให้นักดาราศาสตร์นั้นมีการงงงันระหว่างการจำแนกประเภทของดาวหางและก็ดาวพระเคราะห์น้อยไปอีก
.
สำหรับดาวนพเคราะห์น้อยสองดวงในระบบสุริยะที่มีสีน้ำเงินซึ่งก็คือ 2พัลลัส กับ เฟเอธอน นักดาราศาสตร์ก็เลยทำการค้นคว้าเพื่อหาสิ่งที่แตกต่างของสองดาวนี้ว่ามีความคล้ายคลึงหรือแตกต่างเช่นไร พวกเขาได้ทำการค้นคว้าข้อมูลที่ได้มาจากการใช้กล้องส่องทางไกลอินฟาเรดบนเขามาอูที่นาของเมืองฮาวาย รวมทั้งศึกษาเล่าเรียนจากกล้องส่องทางไกลทิลลิงดาสท์ของห้องทดลองฟิสิกส์ดาราศาสตร์สมิธโซเนียน ในเมืองแอริโซนา มาพินิจพิจารณาถึงความไม่เหมือน ด้วยเหตุว่ามีข้อคิดเห็นว่า ดาว 2 พัลลัสเป็นดาวนพเคราะห์น้อยขนาดใหญ่ที่มีสีน้ำเงินเช่นกัน
.
โดยเหตุนี้ดาวเฟเอธอนที่มีสีน้ำเงินเเต่มีขนาดเล็กกว่าราวๆหนึ่งมันบางทีอาจจะเคยเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของดาว 2 พัลลัสก็เป็นได้ ซึ่งจากการเรียนแล้วพบว่าดาวเฟเอธอนมีสีน้ำเงินที่เข้มมากยิ่งกว่า 2 พัลลัส แม้กระนั้นมีการสะท้อนแสงออกมาน้อยกว่า นอกนั้นดาวเฟเอธอนยังมีสีน้ำเงินกระจัดกระจายอย่างสม่ำเสมอในทั่วรอบๆผิว ซึ่งสิ่งที่แตกต่างนี้เองก็ยังคงทำให้ดาวเฟเอธอนเป็นปัญหา เพราะเหตุว่ายังหาคำตอบมิได้ว่ามันเป็นดาวนพเคราะห์น้อยที่มีสีน้ำเงินได้เช่นไร
.
อย่างไรก็แล้วแต่ทุกปัญหาย่อมควรมีการรับรองไม่ช้าไม่นาน เเละเรามั่นใจว่าอีกไม่นานนักดาราศาสตร์คงจะหาคำตอบของมูลเหตุของดาวเฟเอธอนมาให้ได้ แล้วเพื่อนพ้องๆละค่ะ มีความรู้สึกว่าดาวเฟเอธอน เป็นดาวนพเคราะห์น้อยที่เกิดขึ้นจากอะไรแล้วก็เพราะอะไรมันถึงเป็นสีน้ำเงิน