ในตอนที่น่านฟ้าบนโลกถูกควบคุมด้วยกฏหมายของแต่ละประเทศ หากจะบินเข้าบินออกประเทศไหนก็ควรมีการขอก่อน แม้กระนั้นสำหรับพื้นที่กว้างบนอวกาศยังคงเปิดกว้างให้ผู้ใดกันแน่ก็ไปตรวจได้อย่างเสรี แต่ว่าก่อนหน้านี้ การเดินทางขึ้นอวกาศควรต้องใช้งบประมาณสูงมากมาย รวมทั้งองค์วิชาความรู้ของนักวิทยาศาสตร์และก็นักบินของประเทศนั้นๆอีก ทำให้ประเทศซึ่งสามารถขึ้นไปตรวจอวกาศได้มีเพียงแต่ประเทศมหาอำนาจอย่างรัสเซียกับประเทศสหรัฐอเมริกาเพียงแค่นั้น
.
แต่ว่าในสมัยข้างหลังๆมานี้ หลายประเทศก็เริ่มสร้างยานอวกาศของตัวเองได้มากขึ้น ทั่วประเทศจีนที่ส่งยานฉางเอ๋อ4 ขึ้นไปตรวจสอบด้านไกลของพระจันทร์ อินเดียที่สร้างจันทร์ยาน 2 ที่เป็นยานอวกาศทุนต่ำ ในงบประมาณเพียงแต่ 140 ล้านดอลลาร์ ฯลฯ
.
แล้วในตอนนี้ก็มาถึงคิวของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กันบ้างที่จะส่งบางสิ่งขึ้นไปตรวจสอบอวกาศ ฉะนั้นวันนี้เรา ก็เลยจะขอพาท่านผู้ชมทุกคนไปดูโปรเจกต์ตรวจดาวอังคารด้วยดาวเทียมโฮปของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กัน เมื่อก่อนที่จะไปรับดูกัน อย่าลืมกดไลค์ รวมทั้งกดติดตามเฟซบุ๊กแฟนเพจ ไว้ เพื่อเป็นอย่างยิ่งหัวใจให้กับเราด้วยนะคะ
.
อย่างที่พวกเราเข้าใจกันอยู่ว่า สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือยูเออีไม่ใช่คนนำทางด้านอวกาศ โดยเหตุนั้นก็เลยไม่ค่อยมีประสบการณ์ด้านการออกแบบรวมทั้งผลิตยานอวกาศสักเท่าไหร่ รวมทั้งไม่มีงบประมาณมากพอที่จะสั่งซื้อยานอวกาศราคาสูงจากต่างแดนอีกด้วย แม้กระนั้นโน่นก็มิได้ทำให้ยูเออียอมยกธงขาวอะไร เนื่องจากเขามั่นใจว่าหากประเทศอื่นทำเป็น ยูเออีก็จำเป็นต้องทำเป็นด้วยเหมือนกัน
.
เพราะเหตุนี้ ยูเออีก็เลยเริ่มที่จะเรียนกรรมวิธีการวางแบบและก็ผลิตยานอวกาศเอง โดยได้รับข้อเสนอจากผู้ที่มีความเชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยหลายที่ในประเทศประเทศสหรัฐอเมริกา แล้วก็เนื่องจากว่าการส่งมนุษย์ขึ้นยานอวกาศหรือสร้างยานอวกาศที่มีความสลับซับซ้อนสูงบางทีก็อาจจะเกิดเรื่องยากเกินความจำเป็นสำหรับมือใหม่ ทางยูเออีก็เลยได้เริ่มจากการผลิตดาวเทียมตรวจอวกาศขึ้นมาแทน ซึ่งท้ายที่สุดยูเออีก้สามารถสร้างดาวเทียมขึ้นมาได้ในช่วงเวลาเพียงแต่ 6 ปีเพียงแค่นั้น
.
โดยทางยูเออีตั้งชื่อดาวเทียมนี้ว่า “โฮป” (Hope) เป็นดาวเทียมที่มีน้ำหนักรวมทั้งสิ้น 1.3 ตัน ซึ่งภารกิจของนั่นก็คือการออกเดินทางไปตรวจสอบดาวอังคาร แต่ว่าสำหรับผู้ที่ติดตามข่าวด้านอวกาศกันมานานคงพอจะรู้กันดีอยู่แล้วว่า การสำรวจดาวอังคารนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร เพราะเหตุว่าก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาหน่วยงานทั้งหลายแหล่ก็เคยส่งยานไปตรวจสอบดาวอังคารกันจนกระทั่งปรุไปหมด พูดได้ว่าเป็นดาวสุดฮอตที่หลากหลายองค์กรถูกใจส่งยานไปตรวจสอบเลยก็ว่าได้
.
โดยเหตุนี้ทางยูเออีก็เลยตั้งมั่นว่าพวกเขาจะไม่ส่งยานขึ้นไปเฉยๆเพียงเป็นเครื่องหมายว่าตัวเองก็ทำเป็นแค่นั้น แต่ว่าจะต้องได้ประโยชน์อะไรกลับมาด้วย ทางยูเออีเลยได้ปรึกษาขอคำแนะนำกับคณะกรรมการที่ปรึกษาจากองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติว่ามีภารกิจดาวอังคารอะไรที่พวกเขาจะทำเป็นแล้วก็มีคุณประโยชน์กับแวดวงอวกาศบ้าง ทางองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ(สหรัฐอเมริกา)เลยเสนอมาว่าเวลานี้ยังไม่มีหน่วยงานไหนเคยส่งยานไปเรียนรู้พลังงานย้ายที่บนชั้นบรรยากาศของดาวอังคารมาก่อน
.
ซึ่งการศึกษาค้นคว้าวิจัยในครั้งนี้จะไม่ใช่ภารกิจที่ขึ้นไปถ่ายรูปแปบๆและจากนั้นก็กลับ แต่ว่าจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้โดยการหมุนรอบดาวอังคารตลอดวัน วันแล้ววันเล่า รวมทั้งตลอดปี เพื่อมองการเคลื่อนไหวของอะตอมที่เป็นกลางของไฮโดรเจนรวมทั้งออกสิเจนที่จุดสุดยอดของชั้นบรรยากาศ ตลอดจนฝุ่นที่ลอยละล่องอยู่กลางอากาศรอบดาวอังคารด้วย ด้วยเหตุว่านักวิทยาศาสตร์ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยมีการตั้งเรื่องที่น่าสงสัยว่าอะตอมดังกล่าวมาแล้วข้างต้นคงจะมีหน้าที่สำหรับเพื่อการกัดกร่อนชั้นบรรยากาศของดาวอังคารจากอนุภาคของดวงตะวัน รวมทั้งบางทีอาจเป็นสาเหตุให้น้ำบนดาวอังคารหายไปด้วย
.
ไม่เพียงเท่านี้ การจะเล่าเรียนเรื่องราวทั้งปวงได้ วิถีโคจรของดาวเทียมที่จะใช้ควรต้องกว้างและก็วนเป็นรูปไข่ โดยดาวเทียมโฮปจำต้องโคจรในแนวเส้นอีเควเตอร์ ในระยะห่างจากดาวอังคารราวๆ 22,000 กิโลถึง 44,000 กิโล เพื่อเรียนได้อย่างมีคุณภาพสูงสุด
.
เมื่อระบุภารกิจแล้วก็สร้างยานเสร็จสมบูรณ์แล้ว ดาวเทียมโฮปก็วางแผนปล่อยเนื้อปล่อยตัว โชคร้ายที่หมายกำหนดการปลดตัวดาวเทียมจะต้องถูกเลื่อนไปถึง 2 ครั้งเนื่องมาจากสภาพภูมิอากาศที่ไม่อำนวย แม้กระนั้นท้ายที่สุดช่วงวันที่ 19 กรกฎาคม 2020 ดาวเทียมโฮปก็ถูกปล่อยเนื้อปล่อยตัวขึ้นอวกาศไปเป็นระเบียบด้วยจรวด H2-A จากฐานยิงจรวดทาเนกาชิมะ ญี่ปุ่น ดาวเทียมดวงนี้ต้องเดินทางเป็นระยะทางถึง 500 ล้านกม.กว่าใกล้จะถึงดาวอังคาร ซึ่งจากการคำนวนแล้ว คาดว่าน่าจะเดินทางไปถึงจุดหมายปลายทางในเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2021 พอดิบพอดี
.
ขอบคุณมากภาพอธิบายจาก BBC
ถือได้ว่านี่เป็นก้าวแรกที่ยิ่งใหญ่ของยูเออี โดย ซาราห์ อัล อามิรี รัฐมนตรีทางด้านวิทยาศาสตร์ชั้นสูงแล้วก็หนึ่งในหัวหน้าโครงงานของยูเออี ยังบอกอีกด้วยว่า ในช่วงเวลาที่ดาวเทียมถูกปล่อยเนื้อปล่อยตัว ผู้คนในประเทศก็ตื่นเต้นดีใจดังในระหว่างที่อเมริกาปลดปล่อยยานอะพอลโล 11 ไปลงหยุดบนพระจันทร์เป็นครั้งแรกของโลกอย่างยิ่งจริงๆ แล้วก็นี่จะแปลงเป็นแรงจูงใจให้เด็กๆในยูเออีทุกคนให้กล้าทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ไม่ว่าคำตอบจะออกมาคืออะไรก็ตาม
.
โดยเหตุนั้นไม่ว่าโครงงานนี้จะเสร็จหรือเปล่า แต่ว่าสิ่งที่ยูเออีได้มาเป็นวิชาความรู้แล้วก็ประสบการณ์ใหม่ๆซึ่งสามารถนำไปพัฒนาได้ในอนาคต เพราะเหตุว่าต่อจากนี้หากยูเออีอยากได้ส่งยานอวกาศหรือดาวเทียมขึ้นเขาอวกาศอีก ยูเออีก็สามารถทำความเข้าใจจากข้อบกพร่องของตนแล้วก็สร้างยานอวกาศลำใหม่ได้เองโดยไม่ต้องพึ่งฝรั่งแล้ว
.
ซาราห์ อัล อามิรี รัฐมนตรีทางด้านวิทยาศาสตร์ชั้นสูงและก็หนึ่งในหัวหน้าโครงงานของยูเออี
ถือว่าทางยูเออีมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไม่น้อยเลยใช่มั้ย