พระจันทร์เป็นดาวดวงหนึ่งที่มนุษย์โลกนั้นขึ้นไปตรวจซ้ำไปซ้ำมา และก็พระจันทร์ก็ยังคงเป็นดาวเพียงอย่างเดียวที่มนุษย์เรานั้นเคยได้ไปเหยียบมาแล้ว แต่จากผลการสำรวจในแต่ละครั้งไม่ว่าจะเป็นด้วยตัวของคนเราเองหรือจะจากยานตรวจต่างๆยังรับรองข้อมูลที่เป็นเสียงเดียวกันว่าบนพระจันทร์ไม่มีออกสิเจน และไม่มีน้ำที่อยู่ในสถานะของเหลว
.
โน่นก็เลยเป็นเยี่ยมเหตุผลที่พระจันทร์ยังไม่ใช่เป้าหมายหลักที่มนุษย์นั้นจะย้ายที่อยู่ฐานไปสร้างอาณานิคมอยู่บนนั้น แต่ว่าแล้วปัจจุบันก็มีการศึกษาและทำการค้นพบความไม่ดีเหมือนปกติในรอบๆขั้วเหนือของพระจันทร์ว่ามีลักษณะที่แปลกไปคล้ายกับการเกิดสนิมขึ้น ก็เลยเป็นปริศนาที่เกิดขึ้นว่า พระจันทร์เป็นสนิมได้เช่นไร และก็มันจะมีผลอะไรบ้าง วันนี้เรา จะพาสหายๆไปพบคำตอบกัน
.
ข้อแรกพวกเรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าสนิมมันเป็นยังไง สนิมมันเป็นผลจากการเกิดปฏิกิริยาทางเคมีระหว่างออกสิเจนกับน้ำ ซึ่งเมื่อกำเนิดแล้วมันจะมีการกัดเซาะ ในเหล็กหรือโลหะ พวกเราจะเห็นเป็นคราบเปื้อนสีน้ำตาลปนแดง การเกิดสนิมบนโลกเป็นเรื่องที่ปกติมากมายเนื่องจากว่าโลกของพวกเรานั้นมีน้ำแล้วก็ออกสิเจนเป็นองค์ประกอบในชั้นบรรยากาศ ยิ่งถ้าเกิดรอบๆไหนเปียกชื้นมากมายๆก็ได้โอกาสที่จะกำเนิดสนิมมากมายแค่นั้น
.
แม้กระนั้นเรื่องปกติของโลกหัวข้อนี้มันเกิดเรื่องที่น่าแปลกถ้าว่าการเกิดสนิมนี้มันจะกำเนิดที่พระจันทร์ พระจันทร์เป็นดาวบริวารอย่างเดียวของโลกที่ไม่มีชั้นบรรยากาศหุ้มห่ออยู่เลย มีแรงโน้มถ่วงน้อย ไม่มีออกสิเจน และไม่มีน้ำในลักษณะของเหลว บางการสำรวจบางครั้งอาจจะทำให้ทราบถึงการเจอน้ำเเข็งบนพระจันทร์ แม้กระนั้นก็ยังไม่มีการสำรวจไหนที่เจอน้ำในแบบสถานะของเหลว หรือเจอน้ำในบรรยากาศเลย
.
ด้วยเหตุนั้น เมื่อพระจันทร์ไม่มีน้ำและไม่มีออกสิเจน ซึ่งเป็นบ่อเกิดของปฏิกิริยาที่กระตุ้นให้เกิดสนิม อีกอย่างหนึ่งเป็นบนพระจันทร์นั้นชอบได้รับกระแสของแก๊สไฮโดรเจนจากลมสุริยะอยู่บ่อยมาก ซึ่งไฮโดรเจนนี้จะกีดขวางการเกิดปฏิกิริยาที่นำไปสู่สนิมด้วย ด้วยเหตุนั้นสนิมที่เกิดบนพระจันทร์คราวนี้มันเกิดมาได้เช่นไร
.
จากการสำรวจครั้งปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์เจอสนิมเฮมาไทต์อยู่ที่รอบๆขั้วเหนือรวมทั้งขั้วใต้ของพระจันทร์ ซึ่งเฮมาไทต์นี้เองนั้นเป็นแร่ที่มีสนิมสีน้ำตาลปนแดงเกาะอยู่ บางบุคคลเรียกว่า แร่เหล็กแดง นักวิทยาศาสตร์ได้เจอเเร่นี้บนพระจันทร์ผ่านการสำรวจจากยานอวกาศ Chandrayaan-1 ของอินเดีย
.
พวกเขาต่างสงสัยกันมากมายว่าปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นนี้มันมากำเนิดบนพระจันทร์ได้ยังไง เมื่อยานอวกาศได้เก็บข้อมูลแล้วก็เก็บส่งให้นักวิทยาศาสตร์ได้พินิจพิจารณา ซึ่งสำหรับเพื่อการพินิจพิจารณานั้นนักวิทยาศาสตร์ต่างเจอความผิดแปลกที่น่าจะเป็นตัวการการเกิดสถานะการณ์ได้ มันก็คือ เฮมาไทต์ที่เขาเจอนั้นส่วนมากจะอยู่ในรอบๆที่พระจันทร์ได้หันเข้าพบโลก โลกซึ่งเต็มไปด้วยออกสิเจนที่อยู่เยอะไปหมดในแทบจะทุกชั้นบรรยากาศ
.
ด้วยเหตุนั้นบางทีอาจเป็นได้ว่า ออกสิเจนที่อยู่ในชั้นบรรยากาศของโลกบางครั้งก็อาจจะพัดเข้าพบพระจันทร์ และก็ออกสิเจนนี้เองไปทำปฏิกิริยากับน้ำแข็งรวมทั้งชั้นผิวของพระจันทร์จนกระทั่งทำให้เปลี่ยนเป็นสนิมเฮมาไทต์ แม้กระนั้นอย่างที่พวกเราบอกไปในช่วงต้นว่าอีกหนึ่งปัญหาของการเกิดสนิมบนพระจันทร์ซึ่งก็คือพระจันทร์นั้นชอบได้รับอิทธิพลจากลมสุริยะอยู่หลายครั้ง ซึ่งในลมสุริยะนั้นจะมีแก๊สไฮโดรเจนมาด้วย ก๊าสไฮโดรเจนนี้เองจะก่อให้ไม่มีการออกสิไดซ์ ซึ่งเป็นปฏิกิริยาที่ส่งผลให้เกิดสนิม
.
ด้วยเหตุนั้น หากแม้พระจันทร์จะได้รับออกสิเจนจากโลกมา แม้กระนั้นการเกิดปฏิกิริยาให้กำเนิดสนิมได้นั้นก็ยังจะได้โอกาสน้อยมากๆเนื่องจากก๊าสไฮโดรเจนจากลมสุริยะเป็นปัญหาในคราวนี้ แต่ว่าอย่างไรก็ดีนักวิทยาศาสตร์ก็มิได้ท้อ เนื่องจากว่าพวกเขาก็ระดมความคิดกันว่ากล่าวการเกิดสนิมบนพระจันทร์นั้นอาจจะมีการเกิดในตอนที่พระจันทร์หันเข้ามาใกล้โลก โดยใกล้มากมายในระยะแมกนีโตเทล ซึ่งระยะที่ใกล้ขนาดนี้นั้นจะมีผลให้ลมสุริยะนั้นไม่อาจจะเข้ามากีดขวางการออกสิไดซ์ได้ เพราะฉะนั้นก็จะเป็นได้ที่จะเกิดปฏิกิริยาของสนิมขึ้นในช่วงเวลารวมทั้งระยะที่พระจันทร์หันเข้ามาใกล้โลก
.
แม้กระนั้นการเกิดเฮมาไทต์ในพื้นที่ดังที่กล่าวมาข้างต้นของพระจันทร์นั้น บางทีอาจช่วยบันทึกรูปแบบของชั้นบรรยากาศของโลกตั้งแต่ในสมัยก่อนได้ ซึ่งบางทีอาจจะสามารถย้อนไปได้ถึง 2.4 พันล้านปี ทำให้พวกเรานั้นสามารถค้นข้อมูลย้อนไปของโลกเพื่อนำมาศึกษาความก้าวหน้าของโลกได้ว่าตั้งแต่สมัยก่อนก่อนหน้านี้ มีขั้นตอนเกิดสิ่งมีชีวิตรวมทั้งมีพัฒนาการอะไรบ้าง ซึ่งพวกเราบางทีอาจจะได้ข้อมูลอะไรเสริมเติมจากการศึกษาเล่าเรียนเฮมาไทต์บนพระจันทร์นี้ได้ รวมทั้งนี่ก็เป็นหน้าที่ของนักวิทยาศาสตร์ที่จะจะต้องศึกษาเล่าเรียนรวมทั้งใส่ความรู้กันถัดไป
.
คืออะไรบ้างขาเพื่อนฝูงๆสำหรับสนิมที่เกิดบนพระจันทร์ เอาจริงเอาจังๆหากเป็นพวกพวกเราดูไปพระจันทร์แล้วมองเห็นพื้นดินเป็นสีน้ำตาลปนแดงพวกเราอาจมิได้เฉลียวใจอะไรมากมายเท่านี้ เเละพวกเราก็อาจไม่คิดว่า รอบๆนั้นมันจะสามารถค้นหาประวัติศาสตร์ภูมิหลังเป็นไปของโลกได้ กล่าวได้ว่าการศึกษาและทำการค้นพบคราวนี้เป็นการศึกษาและทำการค้นพบที่ยิ่งใหญ่แล้วก็สำคัญต่อมนุษยชาติของพวกเราอย่างมาก