แท็ปบีสตาร์ (Tabby’s Star) หรือมีชื่อเสียงกันในอีกหลายๆชื่อว่า ‘ดาวโบยาเจียน’ (Boyajian’s Star) หรือ ‘ดาวดับเบิลยูครั้งเอฟ’ (WTF Star) โดยมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า KIC 8462852 ดาวดวงนี้เป็นเยี่ยมในดาวฤกษ์ในแถบลำดับหลักจำพวก F ซึ่งเป็นดาวสีเหลือง-ขาว มีอุณหภูมิผิวราว 6,476 องศาเซลเซียส มีมวลอยู่ที่ 1.43 เท่าของมวลพระอาทิตย์ รวมทั้งมีขนาดใหญ่กว่าพระอาทิตย์ราวๆ 58 เปอร์เซ็น ตั้งอยู่ในกรุ๊ปดาวหงส์ (Cygnus) ไกลห่างจากโลกราวๆ 1,470 ปีแสง ความเปลี่ยนแปลงของแสงสว่างดาวที่เปลี่ยนไปจากปกตินี้ถูกศึกษาและทำการค้นพบโดย นักวิทยาศาสตร์ประชากร (citizen scientists) ซึ่งเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของแผนการ ‘ผู้ตามล่าดาวพระเคราะห์’ (Planet Hunters) รวมทั้งในก.ย.ปี คริสต์ศักราช 2015 นักดาราศาสตร์ร่วมกับ นักวิทยาศาสตร์ราษฎร เสนอเนื้อหาสาระเกี่ยวกับความน่าจะเป็นของดาวดวงนี้เอาไว้ โดยอิงข้อมูลมาจากจากกล้องส่องทางไกลอวกาศเคปเลอร์ โดยสาเหตุของชื่อ Tabby’s Star แล้วก็ Boyajian’s Star นั้นอิงมาจากนักดาราศาสตร์หญิงคนประเทศอเมริกา ‘ทาเบธา โบยาเจียน’…
รายละเอียดสรุปของ คลิปสืบสวนมนุษย์ดาวอื่นทั้งยัง 3 คลิป รวมทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลังเรื่องจริงทั้งหมดทั้งปวง
ตรงเวลาผ่านมานับเป็นเวลาหลายปีแล้ว ตั้งแต่แมื่อคลิปสืบสวนมนุษย์ดาวอื่นได้เผยแพร่เมื่อปี 2016 แล้วก็ปัจจุบันในปี 2018 กับเทปวิดีโอลับชุดที่ 3 แต่ก็ดูเหมือนกับว่า จะยังคงมีคนที่พอใจในเรื่องราวลึกลับในสิ่งที่มนุษย์ดาวอื่นตนนี้ได้บอกเอาไว้ รวมทั้งมีข้อเคลือบแคลงอยู่มากว่า ตกลงและหลังจากนั้นก็เทปวิดีโอลับที่เผยแพร่นี้เป็นความใช่หรือไม่ ซึ่งวันนี้ผมก็จะมากระทำการไขปัญหาพวกนั้น และก็เอ๋ยถึงผลสรุปของเรื่องราวทั้งผองที่เอเลี่ยนตนนี้ได้กล่าวเอาไว้ทาง 3 วีดีโอ การอ้างอิงสิ่งที่มีอยู่จริง คลิปสืบสวนมนุษย์ดาวอื่นอีกทั้งสาม กล่าวถึงว่าเป็นรายละเอียดส่วนหนึ่งส่วนใดของเทปวิดีโอลับจากแผนการสมุดสีฟ้า หรือ Project Blue Book เลขลำดับ 220675 บันทึกไว้ตอนวันที่ 9 เดือนมิถุนายน ปี 1964 โดยศูนย์ข่าวกรองด้านเทคนิคทางอากาศ (Air Technical Intelligence Center)ในฐานทัพอากาศไรท์ – แพตเตอร์สัน (Wright-Patterson Air Force Base) ซึ่งในที่นี้อีกทั้ง 3 วีดีโอของเทปลับสอบสวนสืบสวนมนุษย์ดาวอื่นนี้เกิดขึ้นในวันเดียวกัน รวมทั้งสถานที่ลับเดียวกัน แผนการสมุดสีฟ้า (Project Blue Book) เป็นอย่างไร?: จากประวัติศาสตร์ที่ปรากฏก็คือ มันมีอยู่จริงๆซึ่งยอดเยี่ยมในโครงงานเฝ้าระวังภัยทางอากาศของกองกองทัพสหรัฐ มันถูกจัดตั้งขึ้นในปี คริสต์ศักราช1952 และก็จัดได้ว่าเป็นโครงงานสอบสวนสืบสวน UFO…
มนุษย์ดาวอื่นโบราณ ขณะที่ 3: พระผู้เป็นเจ้าจากอวกาศ | ยานอวกาศที่เอเสเคียล | ประพรมดีเลิศหรือยานอวกาศ
วิมานะ บางทีอาจเป็นการเชื่อมโยงที่สำคัญ ที่จะมาเติมเต็มในสิ่งที่หายไประหว่างวัฒนธรรมเดียวกันในโลกของพวกเรา เนื่องจากว่าพวกเขาใช้เวลาที่สั้นมากมายๆสำหรับเพื่อการเขยื้อนจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งของโลก อีกตำนานในการเดินทางกลางอากาศ ยังสามารถพบเห็นได้ในแอฟริกาโบราณ แล้วก็ในตะวันออกกลางอีกด้วย จากบันทึกของ ‘เคบรา เนกัสท’ (The Kebra Nagast) ซึ่งเป็นหนังสือศักดิ์สิทธิ์ของชาวเอธิโอเปีย ที่ถูกเขียนขึ้นในตอนระหว่างศตวรรษที่ 5 ถึงศตวรรษที่ 2 ที่ราชินีชีบา (the queen of Sheba) ที่เคยกล่าวไว้ว่า คราวหนึ่งท่านทรงได้รับประพรมของขวัญ ที่บินมาจากกษัตริย์โซโลมอนที่อิสราเอล (King Solomon of Israel) มาแล้ว ก็เลยถือว่าเป็น The Kebra Nagast เป็นหนึ่งในตำราเรียนที่มีความจำเป็นที่คุณอาจจะไม่เคยทราบมาก่อน โดยชื่อของมันแปลว่า หนังสือของพระราชา ซึ่งนับว่าเป็นหนังสือที่มีความศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของชาวเอธิโอเปีย ทดลองเล่นสลอต ในนั้นมีการชี้แจงถึงกษัตริย์โซโลมอน ที่เขามีความรู้และมีความเข้าใจสำหรับการขับเครื่องจักรบินได้บางชนิด รวมทั้งเป็นที่รู้เรื่องกันในขณะนี้ก็คือ ‘ประพรมบินได้’ นั่นเอง (flying carpet) แม้กระนั้นปัญหาก็คือ สิ่งที่พวกเขาคือจริงๆนั้นมันเป็นประพรมบินแบบนั้นหรือ หรือโดยความเป็นจริงแล้วมันบางครั้งก็อาจจะเป็นในอีกความหมายอื่น ที่ชี้แจงได้ถึงเครื่องจักรบินบางจำพวกกันแน่ ซึ่งบางทีอาจรวมถึงคำชี้แจงในหนังสือ “ราชรถที่พระผู้เป็นเจ้า” (Chariots of…
มนุษย์ดาวอื่นโบราณ ในระหว่างที่ 2: วิมานะ อากาศยานโบราณของประเทศอินเดีย & ไจโรสวัวปปรอท ระบบต่อต้านแรงโน้มถ่วง?
ปัญหาเยอะแยะในสมัยก่อนได้เคยถูกชี้แจงเอาไว้โดยผู้คนในยุคเก่าว่า พวกเขาได้พบเจอเปลวเพลิงที่พวยพุ่งออกมา เหมือนกับลมหายใจของมังกร หรือได้มองเห็นทรงโลหะที่มองคล้ายกับเครื่องจักร ซึ่งสิ่งพวกนี้มีความน่าจะเป็นที่บางทีอาจแสดงว่าในอดีตกาล ได้เคยมีแขกโลกของพวกเรามาแล้ว รวมทั้งดูราวกับว่าตำนานนิยายเก่าก่อนพวกนั้นจะอิงอยู่บนอะไรบางอย่างที่ดูเหมือนจะเป็นจริงอีกด้วย ถึงแม้บางตำนานจะถูกกล่าวขานต่อๆกันมาเกินจริงไปหน่อย แต่ว่าก็มีในหลายๆในกรณีที่อาจมีข้อเท็จจริงซุกซ่อนเอาไว้ ยกตัวอย่างเช่นในประเด็นการบินขึ้นไปกลางอากาศ เหมือนกันกับที่พวกเราได้สร้างเรือบินขึ้นรถผู้คนไปรอบโลกกันอยู่ตอนนี้ แต่ว่าสำหรับเครื่องบินโบราณที่เดินทางมาถึงโลกในสมัยก่อนนั้น พวกเขาได้ใช้ระบบขับแบบเหมือนกับที่พวกเราใช้กันอยู่ในตอนนี้ไหม ซึ่งปัญหานี้พวกเราบางทีอาจค้นหาคำตอบได้จากตำนานที่กล่าวขวัญของอินเดียในเรื่อง วิมานะ (Vimana) : อากาศยานประเทศอินเดียโบราณที่มหาภารตะสมัย ทดลองเล่นสลอต ผู้คนกว่า 1 พันล้านคน ได้มารวมตัวกันอยู่ในเมืองศิสวย รวมทั้งเขตพื้นที่บ้านนอก พวกเขามีภาษาที่นานัปการนับร้อยภาษา รวมทั้งมีความไม่เหมือนทางด้านศาสนาอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว นี่เป็นอินเดีย ซึ่งนับว่าเป็นอีกหนึ่งแหล่งที่มีอารยธรรมดั้งเดิมที่สุดเป็นลำดับต้นๆของโลก ซึ่งพวกเราสามารถศึกษาเล่าเรียนย้อนไป การตั้งหลักแหล่งยังพื้นที่ที่นี้ไปได้ไกลกว่า 11,000 ปีที่ผ่านมา นอกเหนือจากนั้นมันยังเป็นที่มาของบันทึกดั้งเดิมทางด้านเทคโนโลยีโบราณในหลายๆสิ่งอีกด้วย จากจารึกผ่านเนื้อความภาษาสันสกฤตโบราณย้อนไปไปกว่า 6,000 ปีกลายคริสตกาลได้เคยชี้แจงเอาไว้ว่า มีเครื่องจักรที่บินได้อยู่ แล้วมันมีชื่อว่า ‘วิมานะ’ (Vimana) วิมานะ เป็นอากาศยานที่ถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีของเครื่องยนต์กลไกเจ็ทสุดล้ำยุค จากคำชี้แจงพูดว่าทุกคราวเมื่ออากาศยานที่นี้ได้บินผ่าน มันได้สร้างความตื่นตระหนกให้แก่ฝูงช้างได้วิ่งหนีกระเจิดกระเจิงไป ใบไม้ใบต้นหญ้าพลิ้วไหวรวมทั้งลอยละล่องออกไป ด้วยกำลังขับดันอันมากมายก่ายกองที่ออกมาจากเบื้องหน้าเบื้องหลังของ วิมานะ ซึ่งจากคำชี้แจงตามที่ได้เอ่ยมานี้ ก็ดูเหมือนจะชี้ได้ว่าสิ่งๆนี้ก็คือยานอวกาศอย่างแน่นอน ทดลองเล่นสล๊อต ถึงแม้นักประวัติศาสตร์กระแสหลักคนจำนวนไม่น้อยจะกล่าวว่าตำราเรียนวิมานะ นั้นมันเป็นเพียงแต่ตำนานที่กล่าวขวัญต่อต่อกันมา อย่างไรก็ดี จากคำชี้แจงในหลายๆเอกสาร ก็ดูเหมือนจะชี้ว่าความประพฤติปฏิบัติดังที่กล่าวมาแล้วนั้นมันเป็นเครื่องจักรแล้วก็เทคโนโลยีที่มีความนำสมัยมากมายจริงๆ…
มนุษย์ดาวอื่นโบราณ ในช่วงเวลาที่ 1: เรือบินอายุ 2,000 ปี Saqqara bird และก็ Tolima Fighter Jets
เรือบินสมัยใหม่ซึ่งสามารถบรรทุกผู้คนขึ้นรถนับล้านคนได้ในทุกวันทั่วทั้งโลก รวมทั้งกระสวยอวกาศที่ส่งมนุษย์เดินทางออกไปสู่ท่ามกลางดวงดาว จากความอุตสาหะที่ได้เอ่ยมานี้ เป็นเพียงแค่แบบอย่างหนึ่งของเทคโนโลยีทันสมัยแบบงั้นหรือ หรือตามที่เป็นจริงแล้วในอดีตกาลเมื่อหลายพันก่อน เรื่องที่ไม่น่าเชื่อกลุ่มนี้บางทีอาจได้เคยเกิดมาแล้วกันแน่ เมื่อมาถึงจุดนี้ พวกเราก็จะเริ่มถามกับตนเองว่า พวกเราพลาดอะไรที่จุดไหนของส่วนใดส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์โลกหรือเปล่า มนุษย์โบราณ จะสามารถมีแนวทางการทางวิชาความรู้ที่เหนือกว่าพวกเราในศตวรรษนี้ได้ไหม แล้วหากได้ พวกเขามาจากที่แห่งไหน บางเวลาพวกเขาบางทีอาจมิได้มาจากโลกของพวกเราเลยด้วย แต่ว่าพวกเขาเป็นแขกจากต่างดาวปัญหา ที่ได้มอบเทคโนโลยีด้านวิทยาศาสตร์สุดล้ำยุคนี้เอาไว้ให้แก่มนุษย์โลก! แล้วก็หากพวกเราได้มองเห็นหลักฐานต้องตามที่ปรากฏขึ้นในอดีตกาล พวกเราก็จะได้คำตอบที่แจ่มชัดที่เกี่ยวกับปัญหาที่ว่า “เคยมีมนุษย์ดาวอื่นมาเยี่ยมพวกเราแล้วในอดีตกาลใช่หรือไม่” ซึ่งคำตอบก็คือ “ใช่” ทดลองเล่นสลอต มีผู้คนนับล้านทั้งโลกต่างก็มั่นใจว่า สิ่งมีชีวิตทรงความคิดได้เคยมาเยี่ยมพวกเราแล้วในอดีตกาล จะกำเนิดอะไรขึ้นหากมันเป็นจริง มนุษย์ดาวอื่นโบราณได้มีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการสร้างประวัติศาสตร์ของพวกเราหรือเปล่า แล้วหากเป็นแบบนั้น อะไรล่ะที่จะเป็นเค้าเงื่อนสำคัญที่เหลืออยู่ ซึ่งบางโอกาสองค์ประกอบปัญหาพวกนั้นบางทีอาจถูกหลบซ่อนอยู่ในสิ่งที่เรียบง่าย แล้วถ้าหากพวกเราสามารถค้นหาหลักฐานนั้นได้ ตัวอย่างเช่น หลักฐานที่เจออยู่ในสิ่งปลูกสร้างโบราณที่ ซัคคาร่า (Saqqara) อียิปต์ ซึ่งอยู่ห่างออกไป 32 กิโลทางตอนใต้ของกรุงไคโร ซึ่งเป็นที่ตั้งของสิ่งปลูกสร้างเกียรติศักดิ์สุดยอดของพีระมิดขั้นบันได ที่ King Djoser (ฟาโรห์โจเซอร์) ย้อนไปไปกว่า 4,000 ปี นี่เป็นพีระมิดที่โบราณที่สุดของอียิปต์ Saqqara มีชื่อในด้านของการเป็นสถานที่ฝังศพอันโด่งดัง จนได้รับสมญานามว่าเมืองที่ความตาย “City of the Dead” แล้วก็ในปี…
Dyson sphere: ทรงกลมไดสัน สิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ล้อมรอบดาวฤกษ์
ไดสัน สเฟียร์ (Dyson sphere) หรือ ทรงกลมไดสันเป็นโครงสร้างสมมุติขนาดใหญ่ในระดับ “เมก้า สตรัคเจอร์ ” (Megastructure) ซึ่งโครงสร้างของ Dyson sphere นั้นใหญ่ในระดับที่สามารถครอบคลุมดาวฤกษ์ทั้งดวงเอาไว้ได้ โดยโครงสร้างเหล่านี้มีวัตถุประสงค์หลักๆเลยก็คือ การดักจับพลังงานของดาวฤกษ์ที่ปลดปล่อยออกมา แล้วนำพลังงานนั้นกลับมาใช้ ปัจจุบัน แนวคิดนี้ยังเป็นเพียง การทดลองทางความคิด ที่พยายามอธิบายถึงอารยธรรมที่ต้องการใช้ชีวิตอยู่ในอวกาศ อันเนื่องมาจากความต้องการของพลังงานที่เพิ่มมากขึ้น จนแหล่งพลังงานบนดาวเคราะห์ของพวกเขานั้นมีไม่เพียงพอ อีกทั้งพลังงานที่ได้รับมาจากดาวฤกษ์นั้นยังถูกจำกัดอยู่แต่ในพื้นผิวส่วนน้อยของดาวเคราะห์ ดังนั้นเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการรับพลังงานให้ได้มากที่สุด การก่อสร้างโครงสร้างขนาดใหญ่มาล้อมรอบดาวฤกษ์จึงถือเป็นหนึ่งในทางเลือกที่สนใจเอามากๆ เพราะพลังงานที่ได้รับนั้นแทบไร้ขีดจำกัด ทดลองเล่นสลอต โดยคำอธิบายแรกเกี่ยวกับโครงสร้างสุดยิ่งใหญ่นี้ได้เคยถูกอธิบายเอาไว้โดย “โอลาฟ สเตเปิลดอน” (Olaf Stapledon) ในนิยายวิทยาศาสตร์ของเขาเรื่อง “สตาร์ เมคเกอร์” (Star Maker) ในปี ค.ศ. 1937 ซึ่งมีคำบรรยายอยู่ท่อนหนึ่งที่อธิบายว่า “ทุกๆระบบสุริยะ ถูกโอบล้อมเต็มไปด้วยตาข่ายดักแสง เพื่อนำพลังงานที่กระจายไป ได้ย้อนกลับมาใช้อย่างชาญฉลาด” อารยธรรมก้าวหน้าในอวกาศอาจสามารถสร้าง Dyson sphere ได้อารยธรรมก้าวหน้าในอวกาศอาจสามารถสร้าง Dyson sphere ได้ต่อมาแนวคิดดังกล่าวก็กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งในปี ค.ศ.1960 โดยงานวิจัยที่ชื่อเรื่อง…
ทัพเรือรับรองว่าวิดีโอ UFO เป็นของจริง แล้วก็เรียกพวกมันว่า ปรากฎการณ์ทางอากาศที่ไม่อาจจะเจาะจงได้ หรือ UAP
ทัพเรือออกมาการันตีแล้วว่า วิดีโอทั้งยังสามที่ถ่ายได้จากกล้องถ่ายรูปปืน (gun-camera) ของเครื่องรบ F-18 ที่ถูกเผยแพร่คราวแรกโดย เดอะนิวยอร์กไทมส์ (The New York Times) รวมทั้ง หน่วยงานศึกษาค้นคว้าจานบิน (UFO research organization) นั้นเป็นของจริง แม้กระนั้นทางทัพเรือหลีกเลี่ยงที่จะใช้คำว่า UFO ตรงๆแล้วก็พูดว่าสิ่งที่ได้มองเห็นในวิดีโออีกทั้งสามก็คือ UAP ที่ย่อมาจากคำว่า “อันไอเดน’ทิไฟดฺ แอเรียล ฟินอม’มะทุ่งนา” (Unidentified aerial phenomena) ซึ่งแปลเป็นอิสระยก็เป็น “ปรากฎการณ์ทางอากาศที่ไม่อาจจะกำหนดได้” เพราะฉะนั้นการใช้คำว่า UAP มาเรียกถึงสิ่งที่มองเห็นในรูปภาพก็เลยเป็นคำที่ค่อนข้างจะเปิดกว้าง ที่บางทีอาจมิได้คือ เทคโนโลยียูเอฟโอของคนเราต่างดาวโดยตรงก็ได้ เมื่อธ.ค.ปี คริสต์ศักราช 2017 หนังสือพิมพ์ เดอะไทมส์ (The Times) ก็เคยได้ออกมาให้ข่าวที่กระทั่งเกิดเรื่องราวเลื่องลือไปทั่วทั้งโลกอยู่พักหนึ่งในปีนั้น ที่เปิดเผยว่ากระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ มีกระทำการสืบสาวอย่างเอาจริงเอาจัง ในโครงงานลับ “ยูโฟ” ที่เรียกว่า AATIP ที่ย่อมาจากคำว่า “ดิ แอดวานซ์ แอโร่สเปซ ธเร็ท ไอเดนทิฟิเคชั่น…
มนุษย์ดาวอื่นบางทีอาจเคยมาเยี่ยมโลกของพวกเราแล้วในสมัยก่อน
อารยธรรมเอเลี่ยนบางทีอาจเคยตรวจกาแล็กซีแล้วก็เยี่ยมโลกของพวกเรามาแล้ว นี่ก็เลยเป็นต้นเหตุว่าเพราะอะไรพวกเราถึงไม่พบพวกเขา กาแล็กซีกาแลคซี่ทางช้างเผือกของพวกเราบางทีอาจเต็มไปด้วยอารยธรรมต่างดาว รวมทั้งต้นเหตุที่เราไม่พบเห็นพวกเขา นั้นก็เป็นเพราะว่าพวกเขามิได้มาเยี่ยมพวกเรามาเป็นระยะเวลานานหลาย 10 ล้านปีแล้วนั่นเอง การค้นคว้านี้ได้ถูกเผยแพร่เอาไว้อยู่ใน นิตยสารดาราศาสตร์ (The Astronomical Journal ) ช่วงวันที่ 20 เดือนสิงหาคม ปี คริสต์ศักราช 2019 ในบทความวิชาการที่มีชื่อว่า The Fermi Paradox and the Aurora Effect ที่กล่าวว่า สิ่งมีชีวิตทรงความคิด บางทีอาจจำต้องใช้เวลาสำหรับในการตรวจสอบกาแล็กซี รวมทั้งอาศัยระบบดวงดาวต่างๆด้านในนั้นเป็นแหล่งพลังงานเคลื่อนไปสู่ระบบดวงดาวอื่นๆ งานศึกษาค้นคว้าวิจัยนี้ได้ตอบปัญหาให้กับปฏิทรรศน์ของแฟร์มี (Fermi paradox) ที่ได้เคยถามพวกเราเอาไว้ว่า เพราะเหตุใดพวกเราถึงยังไม่ตรวจเจอสัญญาณของสิ่งมีชีวิตทรงความคิดจากต่างดาวเลย ปฏิทรรศน์ของแฟร์มี (Fermi paradox) ได้ถูกเอ่ยถึงขึ้นเป็นครั้งแรก โดยนักฟิสิกส์รางวัลโนเบลชาวอิตาลีที่ชื่อ “เอนรีโก แฟร์มี” (Enrico Fermi) ผู้ซึ่งได้ตั้งข้อซักถามที่มีชื่อว่า “ผู้อื่นไปอยู่ไหนกันหมด?” (“Where is everybody?”) ปริศนาของแฟร์มีถึงความน่าจะเป็นไปได้สำหรับในการเดินทางระหว่างดวงดาวนั้นได้รับการกล่าวถึงกันอย่างสม่ำเสมอจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ รวมทั้งเรื่องที่น่าสงสัยของการมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตที่มาจากนอกโลกอันหลักแหลมก็ด้วย เมื่อปี คริสต์ศักราช 1975…
สิ่งมีชีวิตต่างดาว บทที่ 2: มนุษย์ดาวอื่น บางทีอาจเสมือนพวกเรา มากยิ่งกว่าที่พวกเราคิด
จากการศึกษาเล่าเรียนเรื่องสิ่งมีชีวิตต่างดาวที่ถูกพิมพ์เอาไว้ในปี คริสต์ศักราช 2017 ในบทความที่มีชื่อว่า Aliens may be more like us than we think “มนุษย์ดาวอื่นก็บางทีอาจดูเหมือนกับว่ากับพวกเรา มากยิ่งกว่าที่พวกเราคิด” ก็ทำให้เห็นว่า ความสลับซับซ้อนของพัฒนาการชีวิตบนโลก ก็บางทีอาจช่วยทำให้พวกเราเข้าใจในเรื่องพัฒนาการเอเลี่ยนได้ในทุกๆที่ของจักรวาล หนึ่งในนักวิชาการนักเขียนร่วมบทความอย่าง ‘แซม เลวิน’ (Sam Levin) ก็เคยได้ออกมาให้ข้อคิดเห็นว่า เหมือนกันกับมนุษย์เรา พวกเราสามารถทายได้ว่าพวกชีวิตเอเลี่ยนนั้นถูกผลิตขึ้นมาได้เช่นไร โดยแต่ละระดับของชีวิต จะมีกลไกคัดสรรทางธรรมชาติ, ดิ้นรนต่อสู้ และก็วิวัฒนาการอยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อมอันสมควร เพื่อสายพันธ์ของตนยังคงอยู่รอดถัดไปได้ ซึ่งจากแบบอย่างพวกนี้พวกเราสามารถใช้ประโยชน์อ้างอิงเพื่อเรียน กลไกลของชีวิตได้ในทุกๆพื้นที่นอกโลก! รวมถึงสิ่งมีชีวิตในระดับที่มีสติสัมปชัญญะทรงความคิดสูง อ่านบทความก่อนหน้า: สิ่งมีชีวิตต่างดาว บทที่ 1: หลักฐานการมีอยู่ของเอเลี่ยน ฐานรากทางวิชาชีวเคมี ชีวิตบนโลกปรารถนาน้ำเป็นตัวทำละลาย เพื่อกำเนิดปฎิคำกริยาทางเคมีต่างๆในนั้น รวมทั้งส่วนประกอบของธาตุต่างๆอย่างเหมาะควร ได้แก่ จำนวนคาร์บอนรวมทั้งส่วนประกอบอื่นๆก็อาจจะก่อให้กำเนิดลักษณะของชีวิตขึ้นบนดาวพระเคราะห์ดวงนั้นได้ นอกเหนือจากนี้การจะกำเนิดชีวิตได้ยังจะต้องอาศัยการแก้ไขทางเคมีรวมทั้งตอนอุณหภูมิที่ละม้ายกับโลกด้วย แต่ว่าถึงแบบนั้นดาวนพเคราะห์ที่มีส่วนประกอบของสภาพแวดล้อมเป็นแอมโมเนียจำนวนมาก สิ่งมีชีวิตบนนั้นก็บางทีอาจอยู่ได้โดยใช้ตัวทำละลายเป็นแอมโมเนียแทนน้ำก็ได้อยู่ ถึงแม้ตามหลักแล้วคุณภาพของแอมโมเนียสำหรับในการทำละลายจะน้อยกว่าน้ำก็ตาม รวมทั้งนอกจากไปจากแอมโมเนียและยังมีความน่าจะเป็นไปได้ของชีวิต ที่บางทีอาจก่อรูปขึ้นมาจากตัวทำละลายโดยไฮโดรคาร์บอนเหลว เป็นต้นว่า ก๊าซมีเทน, อีเทน หรือโพรเพน…
10 หลักฐานที่น่าทึ่ง เกี่ยวกับการศึกษาและทำการค้นพบมนุษย์ดาวอื่น ในปี 2020
ตรงนี้เป็นหินขนาดเล็กที่ลอยละล่องอยู่ด้านในอวกาศอันกว้างใหญ่ไพศาลที่พวกเราเรียกว่า “โลก” มนุษย์เรามักสงสัยอยู่บ่อยมากว่าพวกเราอยู่คนเดียวในจักรวาลที่นี้หรือเปล่า ซึ่งปริศนานี้เกิดมาปีแล้วปีเล่า และก็เมื่อพวกเรายิ่งค้นหา ก็ดูอย่างกับว่าพวกเรายิ่งได้โอกาสพบเห็นกับสิ่งมีชีวิตที่มาจากนอกโลกเยอะขึ้นเรื่อยทุกปี การค้นหาสิ่งมีชีวิตบนดาวนพเคราะห์ที่อยู่ใกล้กับพวกเราสูงที่สุด ไม่ว่าจะด้านในระบบสุริยะหรือไกลกว่านั้นก็ทำให้พวกเราเริ่มมีหวังที่กำลังจะได้มองเห็นชีวิตในลักษณะต่างๆไล่ไปตั้งแต่แบคทีเรีย ไปจนกระทั่งสิ่งมีชีวิตที่มีความซับซ้อน หรือมนุษย์ดาวอื่นจาก “พร็อกซิมา เซนทอรี” ต้องการจะติดต่อกับพวกเรา? ความซาบซึ้งของนักแสดงที่มีต่อดาวเคราะห์นอกระบบ Proxima Centauri b โดย ESO/M. Kornmesserมันเป็นสัญญาณตอบกลับที่แปลกแปลกจากจากห้วงอวกาศอย่างไม่เคยมีมาก่อน ที่เมื่อตอนต้นเดือน เดือนธันวาคม ปี คริสต์ศักราช 2020 นักค้นคว้าประกาศว่าพวกเขาได้ตรวจหาบีมพลังงานลึกลับในคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าบริเวณความถี่วิทยุที่ 980 เมกะเฮิรตซ์ ที่มีทิศทางมาจากดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้เคียงกับพวกเราสูงที่สุดในระยะ 4.2 ปีแสง โน่นเป็น “พร็อกซิมา เซนทอรี” ระบบดาวดวงนี้ประกอบไปด้วยดาวนพเคราะห์ปริมาณ 2 ดวง ดวงหนึ่งเป็นดาวก๊าซยักษ์ และก็อีกดวงหนึ่งที่เป็นที่พอใจของนักวิทยาศาสตร์ก็คือดาวพระเคราะห์หินที่มีขนาดใหญ่กว่าโลก 17 เปอร์เซ็นต์ แถมยังตั้งอยู่ด้านใน “เขตอาศัยได้” รอบดาวฤกษ์แม่ของมันอีกด้วย นี่ก็แปลว่าได้โอกาสที่น้ำจะสามารถอาจรูปเป็นของเหลวอยู่ถึงที่เหมาะโน่น บีมพลังงานที่ส่งออกมานี้ไม่สามารถที่จะชี้แจงได้ถึงความเคลื่อนไหวน้อยด้านในคลื่น แล้วมันยังมีความเกี่ยวเนื่องกันกับการเคลื่อนที่ของดาวพระเคราะห์ข้างในอีกด้วย นักค้นคว้ารู้สึกตื่นเต้นมากมายกับสิ่งที่ศึกษาและทำการค้นพบนี้ แม้กระนั้นพวกเขาก็บอกเหตุผลชี้แจงออกมาให้รอบคอบ และไม่ด่วนสรุปว่านี่เป็นสัญญาณของผู้คนต่างดาว ด้วยเหตุว่ามีความน่าจะเป็นที่แหล่งพลังงานนี้อาจมาจากดาวหาง, ก้อนเมฆไฮโดรเจน หรือแม้กระทั้งเทคโนโลยีของผู้คนร่วมกันเอง ด้วยเหตุผลดังกล่าวนักค้นคว้าก็เลยจำต้องพินิจพิจารณาเพิ่มเติมอีกกันถัดไป เพื่อแน่ใจว่ามนุษย์ดาวอื่นกำลังโทรศัพท์หาพวกเราอยู่จริงๆ…
-
Recent Posts
Archives
Categories
Tags
กิจการอวกาศ ขยะอวกาศ จรวด จูปิเตอร์ 5 ดวงจันทร์ ดวงจันทร์แกนีมีด ดวงอาทิตย์ ดาวบริวาร ดาวพฤหัสบดี ดาวพุธ ดาวยูเรนัส ดาวศุกร์ ดาวหาง ดาวอังคาร ดาวเกตุ ดาวเคราะห์ ดาวเคราะห์แคระ ดาวเทียม ดาวเนปจูน ดาวเสาร์ ต่างดาว ทฤษฎี ทฤษฎีทางดาราศาสตร์ นักบินอวกาศ นักวิทยาศาสตร์ นาซา บิกแบง ยานสำรวจ ยานอวกาศ ยูโรปา ระบบสุริยะ ลี้ลับ วัตถุขนาดใหญ่ สำรวจอวกาศ ห้วงอวกาศ อวกาศ อาคันตุกะ เอเลี่ยน แม่เหล็กไฟฟ้า แรงโน้มถ่วง แอมัลเธีย โบราณ โลก ใจกลางระบบสุริยะ ไททัน