มีคำเล่าขานถึงการปรากฏตัวของยานบินต่างดาวอยู่เยอะมากจากทั่วทุกมุมโลก ตั้งแต่อดีตกาลเรื่อยๆมาจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ จากทรงคลาสสิคของยานบินในรูปแบบของทรงจาน, ซิก้า ,ทรงสามเหลี่ยม และก็อื่นๆผ่านในแต่ละช่วง มนุษย์ดาวอื่นพวกนั้นกำลังแอบดูพวกเราอยู่หรือไม่ แล้วเพราะเหตุไรพวกเขาถึงไม่ยินยอมแสดงตัวให้พวกเรามองเห็นอย่างเป็นทางการเลยล่ะ แล้วถ้าเกิดมนุษย์ดาวอื่นมาได้เคยมาเยี่ยมพวกเราจริง พวกเขาเดินทางผ่านอวกาศอันกว้างใหญ่ไพศาลที่นี้มาได้เช่นไร แล้วพวกเขาใช้เทคโนโลยียานอวกาศแบบไหนถึงมาเยี่ยมโลกของพวกเราได้ หรือพวกเขาบางทีอาจเคยได้ติดต่อกับมนุษย์โลกมาแล้วจริงๆในสมัยก่อน หรือ บางทีอาจได้เคยถูกมนุษย์โลกจับกุมมาแล้วตามเดิมเป็นข่าวที่เป็นที่รู้จักอย่างยูเอฟโอตกที่คอยสเวลล์เมื่อปี 1947 ที่รัฐบาลสหรัฐบางทีอาจได้เคยปกปิดมันเอาไว้
จุดเริ่มแรกของเรื่องราวยูเอฟโอ UFO
เรื่องราวของยูเอฟโอต่างดาว หรือ UFO ทั้งหมดทั้งปวงเริ่มขึ้นช่วงวันที่ 24 เดือนมิถุนายน 1947 โดยนักบินคนอเมริกันแล้วก็นักธุรกิจนามว่าเค็นเน็ธ อาร์โนลด์ (Kenneth Albert Arnold) ในวันนั้นตอนที่เขากำลังทำบินจากเมืองชาเฮลริส (Chehalis) สู่ เมืองยาคิมา (Yakima) ในเมืองวอชิงตันเดียวกัน ด้วยเรือบินรุ่นคอลเครื่องปรับอากาศ เอ-2 (CallAir A-2) ในเที่ยวบินรับจ้างตรวจค้นซากเรือบินตกของกองทัพอากาศรุ่น C-46ในจุดตกใกล้ๆกับเทือกเขาเรนเนียร์ (Mt. Rainier) อยู่นั้น กลางทางอาร์โนลด์อ้างถึงว่าเขามองเห็นยานบินลึกลับที่บินเร็วอย่างเปลี่ยนไปจากปกติปริมาณ 9 ลำ บนฟ้า ซึ่งถัดมาเหตุในตอนนั้นก็ได้ถูกตั้งชื่อว่า Kenneth Arnold UFO sighting โดยนายเค็นเน็ธ อาร์โนลด์ เล่าถึงเรื่องในคราวนั้นว่า ในขณะก่อนที่จะถึงบ่ายสามนาฬิกาเพียงแต่ไม่กี่นาที ที่ระดับความสูง 2,800 เมตรเหนือรอบๆเมืองไม่นเนอร์รัล (Mineral) ขณะเสร็จกลับจากภารกิจค้นหาซากเรือบินตก C-46 อยู่นั้น เขาก็มองเห็นลำแสงกระพริบคล้ายกับแสงสะท้อนจากกระจกมายังเรือบินของเขา ซึ่งตอนนั้นเขาเกรงว่าแสงสว่างดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นบางทีอาจไปก่อกวนแล้วก็มีอันตรายต่อเรือบินลำอื่นๆในเขตเดียวกันได้ แล้วต่อจากนั้นเขาก็เลยมานะมองออกไปบริเวณตัวในฟ้าในรอบๆใกล้เคียง แต่ว่าสิ่งที่เขามองเห็นได้จากระยะไกลก็มีแต่เพียงเรือบินขนส่ง DC-4 ของกองทัพอากาศที่บินอยู่รอบๆทางข้างหลังซ้ายของเครื่องในระยะ 24 กม.เพียงแค่นั้น แต่ทว่า ในเวลาต่อมาเพียงแต่ 30 วินาทีให้ข้างหลัง จากการพบเจอแสงสะท้อนดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้ว อาร์โนลด์ก็เจอกับกรุ๊ปของแสงสะท้อนปัญหานี้อีกรอบ ซึ่งในคราวนี้มันมุ่งหน้าขึ้นไปทางภาคเหนือของเทือกเขาเรนเนียร์ที่อยู่ไกลห่างออกไปราว 40 กิโล โดยในขณะนั้นอาร์โนลด์รู้สึกว่า แสงสะท้อนนี้บางทีอาจเป็นเพียงแค่ภาพมายาจากแสงสะท้อนของหน้าต่างเรือบินเขาเอง แต่ว่าเพื่อเป็นการรับรองในความถูกต้องแน่ใจดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น เขาก็เลยมานะขับเรือบินเลี้ยวตามลำแสงกระพริบพวกนั้น เพื่อจะกระทำตรวจตราให้อย่างแน่ชัดว่าเขามิได้มองเห็นการปรากฏทางธรรมชาติอะไร เมื่อเขาเข้าไปใกล้พอเพียงและจากนั้นก็พบว่า แสงสว่างดังกล่าวข้างต้นมาจากวัตถุปัญหาที่บินได้กลางอากาศ พวกมันบินรวมกลุ่มกันเป็นทางยาวเหมือนกับฝูงห่าน (flock of geese) แล้วก็มีลักษณะผิวสว่างแวววับสวยสดงดงาม ทั้งยังยังเขยื้อนได้ด้วยความเร็วที่สูงเอามากๆซึ่งตอนนั้นเขาเองก็รู้สึกว่า นี่บางทีอาจเป็นเรือบินเจ็ทแบบใหม่ที่ทัพอากาศบางทีอาจกำลังซุ่มปรับปรุงอยู่ก็เป็นไปได้ แต่ว่าขณะเดียวกันนั้นเอง มันก็เร่งความเร็วทิ้งหนีห่างออกไปอย่างทันทีทันควัน! รวมทั้งสร้างความน่าแปลกใจให้แก่เขาเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากว่าด้วยเทคโนโลยีเรือบินในยุคนั้น หรือแม้กระทั้งปัจจุบันนี้เองก็ไม่น่าที่จะสามารถรีบอัตราความเร็วของเครื่องจักรได้อย่างทันควันได้เร็วขนาดนั้น แต่ว่าอาร์โนลด์ก็ไม่ลดละต่อความมานะบากบั่นที่จะติดตาม ท้ายที่สุดเขาก็บินมาถึงใกล้ๆกับเทือกเขาเรนเนียร์ ซึ่งในช่วงเวลานั้นถูกปกคลุมไปด้วยหิมะและก็บรรยากาศครึ้มฝน ท่ามกลางความมืดมนมัวของหิมะที่ตกโรย เขาก็มองเห็นแสงไฟอันโดนเด่นปรากฏอยู่ด้านใน และก็สังเกตุพบเจอถึงทรงอันตามที่เป็นจริงของวัตถุบินปัญหากลุ่มนี้ได้ ซึ่งจากคำพรรณนาแรกของอาร์โนลด์พูดว่า “มันบางดังพายกระทะ” แล้วก็มี “ทรงที่คล้ายกับแผ่นจาน” โดยสามารถพรางตัวเองได้อย่างกลมกลืนกับธรรมชาติมากมายๆซึ่งในตอนหลังสื่อข่าวจากหลายสำนัก ก็ต่างเรียกให้ยานบินลึกลับพวกนี้อย่างชวนขันว่ามันเป็น “ยูเอฟโอ” แล้วก็ตั้งแต่แมื่อนั้นเป็นต้นมาก็ถือว่าเป็นนี่เป็นการเริ่มต้นของการพบเจอการเกิดยูเอฟโอ UFO อันเป็นที่ดังนับจากนั้นเป็นต้นมา
เรื่องราว UFO ตกที่รอคอยสเวลล์
หลายอาทิตย์ถัดมาในช่วงฤดูร้อนของ ปี 1947 สถานะการณ์ที่คงจะดังที่สุดเกี่ยวกับ UFO ได้ถูกรายงานขึ้นใกล้ๆกับเมืองรอคอยสเวลล์เมืองนิวเม็กซิโก ซึ่งในวันหลังคอยสเวลล์ก็ได้เปลี่ยนมาเป็นต้นฉบับของการเกิดการพบเจอ UFO เพราะว่ามันมีส่วนประกอบหลายชนิดที่ไปส่งเสริมให้เชื่อแบบนั้น เป็นต้นว่า มียูเอฟโอที่ตกลงมาจากฟ้าแล้วชนเข้าอย่างแรงกับพื้นดิน, มีการเผชิญศพมนุษย์ดาวอื่นด้วย, รวมทั้งมีการปกปิดข่าวสาร-บิดเบือนข่าวสารจากทางรัฐบาลที่พวกเขาดูราวกับว่ากำลังบากบั่นปิดบังบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญเอาไว้ แม้ว่าข้อมูลที่ได้รับมาจากทัพอากาศในตอนแรก พวกเขาก็เจาะจงเองว่าสิ่งนี้มันเป็นยูเอฟโอของผู้คนต่างดาว แม้กระนั้นในตอนหลังข้อมูลดังที่กล่าวมาข้างต้นก็ได้ถูกไม่ยอมรับไปอย่างเฉียบพลัน ว่าอันตามที่เป็นจริงแล้วสิ่งที่ตกกระแทมายากลงพื้นมันก็คือบอลลูนตรวจอากาศและไม่มีผู้โดยสารอยู่บนนั้น และไม่มีอะไรที่เกี่ยวเนื่องกับสิ่งมีชีวิตที่มาจากนอกโลกเลย ในช่วงเวลาที่ผู้เห็นเหตุการณ์ผู้อื่นต่างก็อ้างถึงว่าพวกเขาประสบพบเห็นองค์ประกอบเกลื่อนกลาดของยูเอฟโอที่ตกจริง ว่ามันเป็นสิ่งของลึกลับที่ไม่เคยประสบพบเห็นที่ไหนมาก่อน แต่ว่าแต่กระนั้นอีกทั้งเหตุที่เกิดขึ้นในรอคอยสเวลล์และก็เหตุการพบเจอยานบินลึกลับของนายเค็นเน็ธ อาร์โนลด์ ก็ยังคงมิได้รับการรับรองจากทางการว่าเป็นยานบิน UFO ของผู้คนต่างดาวใช่หรือไม่ รวมทั้งยังคงเป็นที่โต้เถียงกันบ่อยมาจนกระทั่งเดี๋ยวนี้
รายงานการพบเจอ UFO ในตอนนี้
ในทุกๆปีมีรายการหน้าที่พบเจอ UFO ต่างดาวจากหลายประเทศทั้งโลก มากขึ้นเรื่อยๆนับพันครั้ง อาทิเช่น บ้างก็อ้างถึงว่าประสบพบเห็นแสงสว่างแปลกจากบนฟ้าที่มีทรงคล้ายกับยูเอฟโอหรือทรงอื่นๆที่เกี่ยวโยง รวมทั้งมันก็เคลื่อนหายไปกลางอากาศได้อย่างไร้ร่องรอย แน่ๆว่าตอนนี้พวกเรามีเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือซึ่งสามารถถ่ายรูปนิ่งหรือวิดีโอได้อย่างไม่ยากเย็น รวมทั้งมีระบบระเบียบโครงข่ายอินเทอร์เน็ตซึ่งสามารถเข้าถึงได้ทุกหนทุกแห่ง นี้ก็เลยทำให้พวกเราสามารถกระทำการค้นหาร่องรอยของ UFO ได้จากโลกอินเทอร์เน็ตอย่าง YouTube, Google หรือโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คลอื่นๆอย่าง Facebook รวมทั้ง Twitter ได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นด้วยเทคโนโลยีซอฟแวร์แล้วก็แนวทางการตัดแต่งรูปภาพที่ปรับปรุงขึ้นเป็นเท่าตัวในแต่ละปี ก็อาจจะส่งผลให้คลิปวิดีโอหรือภาพยานบินต่างดาวที่พวกเรามองเห็นนั้น บางทีอาจเป็นเพียงแค่วิธีทางคอมพิวเตอร์กราฟิกส์ (CG) เองก็เป็นไปได้
ข้อสมมติฐานทางด้านวิทยาศาสตร์ที่ชี้แจงเกี่ยวกับการพบเจอ UFO
UFO ซึ่งคำๆย่อมาจากคำว่า unidentified flying object หรือแปลได้เป็นคำตรงๆว่า วัตถุบินที่ไม่ปรากฏชื่อ แต่ว่าหากจะให้แปลในความหมายที่กว้างขึ้นกว่านี้ก็จะได้เป็นคำว่า เรื่องผิดปกติประจักษ์แจ้งอะไรก็ตามในฟ้า ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ก็เลยให้การสันนิษฐานต่อสิ่งที่ผู้คนได้พบเจอการเกิด UFO กลุ่มนี้ว่าอาจมีต้นตอขึ้นมาจากบนโลกด้วยความสามารถของคนเราพวกเราเอง เช่นดาวเทียม, บอลลูน, เรือบิน ,จรวด และก็รวมถึงวัสดุอุปกรณ์ยอดนิยมในตอนนี้อย่างโดรนบินเองก็ด้วย หรืออาจมีต้นกำเนิดมาจากข้างในระบบสุริยะของพวกเราอย่างอุกกาบาต, ดาวหาง หรือแม้กระทั้งดาวศุกร์ที่สว่างเจิดรุ่งเรืองในยามค่ำเองก็ตาม แน่ๆว่าจากสมัยก่อนบ่อยมาจนกระทั่งปัจุบัน เรื่องราวของความลี้ลับดังที่กล่าวถึงมาแล้วก็ยังหาผลสรุปที่แจ่มแจ้งมิได้ นักวิทยาศาสตร์ก็เลยละเลยไปถึงความน่าจะเป็นสำหรับเพื่อการมีอยู่ของยานบินต่างดาวว่า สามรถยนต์เกิดขึ้นได้จริงไหมตามวิชาความรู้วิทยาศาสตร์ที่มีอยู่ของพวกเราในในช่วงเวลานี้ได้จากหัวข้อต่อไป
แรงจี ภยันตรายต่อสิ่งมีชีวิตบนยานบินต่างดาว
จากความประพฤติของ UFO ที่ปรากฏ นักวิทยาศาสตร์ก็เลยอุตสาหะเรียนรู้ถึงความน่าจะเป็นดังกว่าว่า มันทำขึ้นมาได้อย่างไรรวมทั้งพวกมันสามารถปราบปัญหาที่จะจำเป็นต้องเผชิญในกฎฟิสิกส์ได้เช่นไร เป็นต้นว่าการรีบอัตราความเร็วของตนเองได้อย่างทันควัน ,การบินด้วยความเร็วสุดๆ, การหยุดอย่างฉับพลันบนฟ้า รวมทั้งอัตราการบินเลี้ยวสูงๆที่เกินกว่าเรือบินลำไหนๆบนโลกจะทำเป็น โดยไม่ทำให้เป็นอันตรายอะไรก็ตามเลยแก่นักบินหรือสร้างความย่ำแย่ให้กับเรือบิน ซึ่งจากความประพฤติดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นมันขัดกับโต้แย้งกฏทางฟิสิกส์ที่พวกเรารู้จักกันเป็นอย่างมาก นอกจากว่ามนุษย์ตางดาวพวกนั้นบางทีอาจทราบแนวทางฝ่าฝืนกฎธรรมชาติ เพื่อมาใช้สำหรับการท่องไปกลางอากาศอย่างมีอิสระ ซึ่งกฎฟิสิกส์ที่สำคัญอย่างหนึ่งที่จะเอ๋ยถึงมิได้เลยในกรณีของการเคลื่อนที่ของวัตถุก็คือ กฎของความเฉื่อย ที่ถูกศึกษาและทำการค้นพบเป็นครั้งแรกโดย ไอแซก นิวตัน (Isaac Newton) นิวตันพูดว่าวัตถุที่อยู่นิ่งหรือเคลื่อนนั้น จะอยู่นิ่งหรือเคลื่อนถัดไปได้ก็เมื่อมันมิได้รับแรงปฏิบัติอะไรก็แล้วแต่จากด้านนอก ฉะนั้นเพื่อที่พวกเราจะสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างทันทีทันควันในความเฉื่อยได้ พวกเราจึงควรใช้แรงอันเป็นอันมากเพื่อปฏิบัติต่อวัตถุนั้นๆตามคำชี้แจงเดียวกันนี้เองขณะที่นักบินเฉดหัวไล่กำลังไปกลางอากาศเฉียดฉิวอัตราความเร็วเสียง แล้วก็กำลังกลับเรือบินให้ทำมุมใกล้ 90 องศาอยู่นั้น พวกเขาจำเป็นที่จะต้องพบเจอกับแรงบีบอีดหรือแรงจี (g-force) ราว 300-g แม้กระนั้นตามความเป็นจริงของเรือบินจำนวนมาก มนุษย์สามารถทนแรงสาเหตุจากความเร่งได้สูงสุดที่ 10-g เพียงแค่นั้นรวมทั้งจำเป็นต้องอยู่ในชุดปรับความดันที่วางแบบมาเป็นพิเศษด้วย แต่ว่าในยานบินต่างดาวดังที่ปรากฎจากคำพูดของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ที่พวกมันส่วนมากได้ทำหักเลี้ยวหรือรีบอัตราความเร็วจนกระทั่งบางทีอาจกำเนิดแรงจีได้มากกว่า 300-g การเคลื่อนที่แบบนั้นอาจส่งผลให้มนุษย์ดาวอื่นถึงแก่เสียชีวิตได้เลยในทันทีทันใด ครั้งที่มันได้กระทำการเร่งความเร็วแบบฉับพลัน โดยอวัยวะภายในของสิ่งมีชีวิตนอกโลกจะถูกดันขึ้นมาแล้วก็บีบอัดกระทั่งแหลกไปพร้อมๆกับกระดูก!
การเอาชนะแรงจีของ UFO
ากภยันตรายที่แขกจำเป็นจะต้องจัดแจงให้ได้ ระหว่างที่ทำการรีบอัตราความเร็วแบบกระทันหันก็คือ พวกเขาจะต้องอาศัยเทคโนโลยีอะไรบ้างอย่างเพื่อมาช่วยปกป้องร่างกายไม่ให้แหลกสลายไปขณะพบเจอกับแรง 300-g ดังเช่นพวกเขาบางทีอาจจะฉีดที่นาโนบอทเข้าไปในร่างกายเอาไว้ เพื่อช่วยรักษาอวัยวะภายในต่างๆไม่ให้ลอยไปๆมาๆหรือฉีกให้ขาดไปขณะเอาชนะแรงเฉื่อย หรือพวกเขาอาจมีเทคโนโลยีที่เกินความสามารถของผู้คนมากมายๆอย่างเครื่องลดผลพวงจากแรงเฉื่อย โดยอุปกรณ์ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นจำเป็นที่จะต้องสามารถจัดแจงกับแรงของความถ่วงได้ โดยใช้สนามแรง (Field Force) มารอลดผลพวงต่อแรงโน้มถ่วงที่มีผลกระทบต่อทั้งยังเอกภพ! ซึ่งอุปกรณ์ลดแรงเฉื่อยจำเป็นจะต้องเปิดใช้ทุกๆครั้งที่ยานบินจำเป็นต้องรีบในอัตราความเร็วสูงๆนี่ก็แสดงว่าเครื่องไม้เครื่องมือดังที่กล่าวมาแล้วควรมีจุดสำคัญต่อความปลอดภัยของสิ่งมีชีวิตเป็นลำดับหนึ่งอาทิเช่นเมื่อแม้พวกเขาลืมเปิดใช้งานเครื่องลดแรงเฉื่อย หรือเครื่องลดแรงเฉื่อยมีปัญหาล่ะก็ นี่ก็จะเป็นวาระสุดท้ายของชีวิตพวกเขาด้วยด้วยเหมือนกัน
ทรงของยานบิน UFO
ที่นี้กลับมาที่ทรงของยานบิน UFO อีกที โดยส่วนมากคำกล่าวขานที่เป็นที่รู้จักต่างๆจะบอกกล่าวถึงภาพลักษณ์ของยานบินต่างดาวในลักษณะทรงจานอยู่บ่อยมาก กระทั่งพวกเราได้ยินและก็เรียกกันอย่างเคยชินว่ายูเอฟโอนั้น ตามที่เป็นจริงแล้วมนุษย์เราจะสามารถดีไซน์เรือบินให้มีลักษณะแบบนั้นได้จริงไหม ถ้าเกิดตัดในเรื่องความสามารถของการเอาชนะแรงเฉื่อยของพวกมันไป จากประวัติศาสตร์ก็มีการบันทึกเอาไว้อยู่เช่นเดียวกัน มันก็คือในช่วงปลายปีทศวรรษที่ 1950 ทัพอากาศสหรัฐและก็แคนท้องนาดาก็เคยร่วมมือกันศึกษาค้นคว้าและก็สร้างยานพาหนะบินได้ในลักษณะที่ใกล้เคียงกับยูเอฟโอ UFO มาแล้ว ในชื่อ แอฟโร่คาร์ (The Avrocar) แต่ว่าเพราะว่าความเสถียรภาพของมันในทางวิชาพลศาสตร์จัดได้ว่าห่วยเอามากๆก็เลยทำให้โครงงานลับดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นได้ถูกปิดไปในปี 1961 รวมช่วงเวลาในการพัฒนาไปทั้งสิ้นเพียงแค่ 2 ปีกว่าเพียงแค่นั้นเนื่องด้วยแผนการราคาแพงแพงรวมทั้งใช้การไม่ได้จริง ตอนที่เรือบินเดลต้าวิง (Delta wing) หรือเครื่องเซ่นในทรง 3 เหลี่ยมแบน ดูเหมือนจะเป็นทางออกที่เหมาะสมที่สุดในการเดินทางด้วยความเร็วสูงในชั้นบรรยากาศ ยิ่งกว่านั้นเปอร์เซ็นการพบเจอยานบินต่างดาวในทรงสามเหลี่ยมก็ดูเหมือนจะเพิ