ข้อบังคับเกี่ยวกับต่างดาวที่พวกเรายังไม่รู้aเมื่อสิ่งมีชีวิตบนโลกเริ่มมีมากไม่น้อยเลยทีเดียวขึ้น การดำเนินชีวิต ของผู้คนแล้วก็สิ่งมีชีวิตอื่นๆบนโลกนั้นล้วนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่มีความเกี่ยวข้องต่อกัน โลกก็เลยจำเป็นจะต้องมีข้อบังคับเพื่อยึดมั่นปฏิบัติให้สังคมได้ก้าวเดินต่อไปตามข้อกำหนดและก็ลดความระส่ำระสายที่จะเกิดขึ้น
.
แม้กระนั้นคนไหนกันแน่จะไปทราบว่า ในอวกาศ หรือสิ่งมีชีวิตใดก็ตามที่มาจากอวกาศ ถ้าหากเข้ามาเกี่ยวโยงกับโลกแล้ว ก็ต้องยึดมั่นข้อตกลงรวมทั้งข้อกำหนดกฎหมายของโลกเช่นกัน วันนี้ จะพาเพื่อนฝูงๆมาดู ข้อบังคับเกี่ยวกับต่างดาวแล้วก็อวกาศ ซึ่งพวกเราแน่ใจว่าสหายๆบางบุคคลบางทีก็อาจจะยังไม่เคยรู้แน่นอนเมื่อก่อนจะไปรับดูอย่าลืมกด Like กด Share รวมทั้งกดติดตามเราด้วยนะคะ
.
เรื่องมนุษย์ดาวอื่น สิ่งมีชีวิตจากต่างดาวหรือเรื่องราวต่างๆในอวกาศ เพื่อนพ้องๆบางทีอาจรู้สึกว่ามันเกิดเรื่องไกลตัวและก็บางทีก็อาจจะไม่ใช่เรื่องที่คงจะให้ความใส่ใจกับมันมากสักเท่าไรนัก แม้กระนั้นทางยูเอ็นและก็ที่ประชุมพรรคคองเกรสที่สหรัฐฯมิได้ปล่อยทิ้งเรื่องราวกลุ่มนี้ไป เพราะว่าพวกเขาได้ร่างกฎหมายที่ครอบคลุมเกี่ยวกับการพบเจอมนุษย์ดาวอื่นหรือการที่มนุษย์ดาวอื่นเดินทางมายังโลกของพวกเรา รวมถึงการที่นักบินอวกาศได้ขึ้นไปพบเห็นกับมนุษย์ดาวอื่นหรืออารยธรรมอื่นในอวกาศ โดยเราได้สรุปข้อกำหนดกฎหมายที่หลักๆมาให้เพื่อนฝูงๆดังต่อไปนี้
.
1.การไปตั้งอาณานิคมบนดาวดวงอื่น
พูดได้ว่าการตั้งอาณานิคมบนดาวดวงอื่นนั้นเป็นสิ่งที่นักดาราศาสตร์มุ่งหมายที่จะเผชิญเพื่อหาที่อยู่อาศัยใหม่ที่ละม้ายกับโลก แต่ว่าเพื่อนพ้องๆทราบหรือเปล่าว่า ถ้าเกิดพวกเราเจอดาวดวงที่พวกเราจะไปสร้างอาณานิคมได้นั้น มันย่อมมีตัวบทกฎหมายที่พักอยู่ซึ่งตามกฎหมายเจาะจงไว้ว่า ดวงดาวต่างๆที่พวกเราศึกษาและทำการค้นพบแล้วก็จะไปสร้างอาณานิคมนั้นจะไม่มีประเทศไหนเป็นเจ้าของ
.
เพราะดาวดวงนั้นจะเป็นของมนุษย์บนโลกทุกคน แต่ว่าการที่จะนำข้อบังคับจากประเทศไหนไปใช้นั้นขึ้นกับว่า หน่วยงานด้านอวกาศของประเทศไหนได้ไปส่งมนุษย์ไปตั้งภูมิลำเนาที่ดาวดวงนั้นๆก่อน จะได้นำข้อบังคับไปใช้สำหรับเพื่อการดำรงชีพในดวงดาวดวงนั้นด้วย
.
2.กฎการพบเจอมนุษย์ดาวอื่น
ตามข้อสัญญาที่ได้มีการระบุรวมทั้งทำเป็น ข้อตกลงอวกาศ โดยมี 125 ประเทศร่วมเซ็นชื่อ ได้เจาะจงเอาไว้ว่าถ้าเกิดมีการตรวจสอบอวกาศ ดวงดาว หรือพระจันทร์ รวมทั้งเจอสิ่งที่เปลี่ยนไปจากปกติ และก็เป็นสิ่งที่แปลกใหม่ รวมทั้งการเจอสิ่งมีชีวิตจากต่างดาว คนที่เจอจำเป็นต้องรายงานให้กับยูเอ็นโดยทันทีข้างหลังการศึกษาค้นพบ
.
3.กฎการเคลื่อนที่ใกล้แหล่งน้ำในดาวดวงอื่น
ด้วยเหตุว่าการศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยและก็การวิเคราะห์จากการสำรวจดวงดาวต่างๆพบว่าน้ำน่าจะเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตบนต่างดาว ก็เลยมีข้อบังคับควบคุมออกมาว่า ยังไม่อนุญาตให้เทคโนโลยีจากบนโลกไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ตรวจหรือยานอวกาศเข้าไปใกล้รอบๆนั้น เนื่องจากว่าอาจมีการแปดเปื้อนจากสิ่งมีชีวิตบนโลกที่ติดไปพร้อมกับเครื่องใช้ไม้สอยต่างๆไปยังแหล่งน้ำนั้นจนกระทั่งมีการกลายพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต จนกระทั่งไม่บางทีอาจเสาะหาได้ว่า สิ่งมีชีวิตที่จริงจริงในรอบๆเป็นยังไงกันแน่
.
4.กฎที่ว่าด้วยมนุษย์ดาวอื่นก็คือมนุษย์
โดยชอบด้วยกฎหมายกำหนดไว้ว่ามนุษย์ดาวอื่นนั้นเปรียบมนุษย์ทั่วๆไป โดยเหตุนี้การกระทำต่อมนุษย์ต่างดาวก็จะต้องปฏิบัติเหมือนกันกับมนุษย์โลก พวกเราจำเป็นต้องไม่ประทุษร้ายกับมัน รวมทั้งมนุษย์ดาวอื่นนั้นมีสิทธิ์ที่จะอยู่ในเขตพื้นที่ที่ปลอดภัย
.
5.กฎที่ว่าด้วยมนุษย์ดาวอื่นจำต้องจ่ายภาษี
จากประมวลกฎหมายมาตราหนึ่งของสหรัฐฯเจาะจงไว้ว่า การค้าขายโดยประเทศอเมริกาในอวกาศนั้น ถือได้ว่าเป็นการค้าขายในประเทศสหรัฐฯ ซึ่งการค้าขายย่อมมีการเก็บภาษี และก็ข้อบังคับข้อนี้รวมทั้งการค้าขายกับสิ่งมีชีวิตที่มิได้อยู่ในโลกด้วย
.
6.การกักตัวนักบินอวกาศข้างหลังกลับมาจากการสำรวจ
เมื่อนักบินอวกาศเสร็จสมบูรณ์ภารกิจสำหรับในการตรวจที่ใช้ช่วงเวลานานสำหรับเพื่อการเดินทางไปยังดวงดาวจุดมุ่งหมาย เมื่อเขากลับมานั้นเขาควรจะมีการกักตัวเป็นระยะเวลาหนึ่ง เพื่อปกป้องการแปดเปื้อนจากสิ่งมีชีวิตที่อยู่นอกโลกที่บางทีอาจติดมาพร้อมกับยานพาหนะ เสื้อผ้า หรือผิวกาย
.
ซึ่งเมื่อมาถึงยังโลกของพวกเราแล้วจำเป็นต้องทำกักบริเวณเพื่อเฝ้าอาการรวมทั้งชำระล้างเพื่อไม่ให้สิ่งมีชีวิตจากต่างแดน ดังเช่น เชื้อโรคที่บนโลกพวกเราไม่มีได้มาขยายให้กับพลเมืองคนอื่นแม้กระนั้นข้อบังคับข้อนี้ได้กระทำยกเลิกไปแล้ว เพราะเหตุว่าการเดินทางกลับมาของนักบินอวกาศหลายหน มักไม่เจอเรื่องผิดปกติอะไร
.
7.การค้นหาหลักฐานของสิ่งมีชีวิตนอกโลก
ในโลกของพวกเรานั้นมีแผนการเซติ ซึ่งเป็นแผนการที่ใช้สัญญาณวิทยุ สัญญาณคลื่นไมโครเวฟ สำหรับการตรวจหาสัญญาณจากอวกาศ ซึ่งก็มีข้อบังคับรองรับอยู่ว่า ถ้าเกิดใครก็ช่างที่ได้พบเห็นสัญญาณของสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวที่ส่งมายังโลกภายใต้แผนการเซตินั้น จะยังไม่ตอบกลับสัญญาณนั้นในทันทีทันใด เพราะเหตุว่าควรมีการแบ่งปันข้อมูลระหว่างชาติเพื่อปรึกษาหารือและขอคำแนะนำข้อมูลสำหรับในการตอบกลับสิ่งมีชีวิตนอกโลกที่ส่งสัญญาณมา
.
เพื่อนฝูงๆจะพิจารณาได้ว่าข้อบังคับกลุ่มนี้ส่วนมากจะย้ำไปทางที่ว่าถ้าหากมีผู้ใดกันแน่พบเจอหรือได้รับสัญญาณจากต่างดาวจึงควรแจ้งให้ยูเอ็นทราบดีแล้วด้วยกันพินิจพิจารณาด้วยกัน ซึ่งมันจะเป็นการแชร์ข้อมูลให้นักค้นคว้าต่างๆรับรู้ด้วยกันเพื่อหาวิธีการเดินต่อไป ตกลงว่าข้อบังคับกลุ่มนี้มีอยู่จริงซึ่งมันก็มาจากการเตรียมแผนจัดการถ้าว่าซักวันหนึ่งพวกเราดันพบสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวจริงๆพวกเราจะได้ข้อบังคับการันตี